GISTZ Communication Co.,Ltd.

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัท กีสซ์คอมมิวนิเคชั่นส์ จํากัด

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัท กีสซ์คอมมิวนิเคชั่นส์ จํากัด

บริษัท กีสซ์คอมมิวนิเคชั่นส์ จํากัด (“บริษัท”) ขอแนะนำให้ท่านทำความเข้าใจนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (privacy policy) นี้ เนื่องจากนโยบายนี้อธิบายถึงวิธีการที่บริษัทปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เช่น การเก็บรวบรวม การจัดเก็บรักษา การใช้ การเปิดเผย รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ของท่าน เป็นต้น เพื่อให้ท่านได้รับทราบถึงนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท บริษัทจึงประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้

 

  1. ข้อมูลส่วนบุคคล

“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของท่าน หรืออาจจะระบุตัวตนของท่านได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ นามสกุล, เพศ, สัญชาติ, เลขที่ประจำตัวประชาชน, เลขที่หนังสือเดินทาง เป็นต้น

ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่, หมายเลขโทรศัพท์, อีเมล เป็นต้น

ข้อมูลบัญชี เช่น Username และ Password, ประวัติการใช้งาน เป็นต้น

ข้อมูลการทำธุรกรรมและการเงิน เช่น ประวัติการสั่งซื้อสินค้าบริการ รายละเอียดบัตรเครดิต บัญชีธนาคาร เป็นต้น

ข้อมูลทางเทคนิค เช่น IP address, Cookie ID, ประวัติการใช้งานเว็บไซต์ (Activity Log) เป็นต้น

ข้อมูลอื่น ๆ เช่น รูปภาพ, วิดิโอ, อาชีพ, ตำแหน่งงาน, สถานที่ทำงาน หรือข้อมูลอื่นใดที่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

 

บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว เมื่อบริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้ รวมถึงข้อมูลอื่นใดที่กระทบต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

 

หากท่านมีอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือมีข้อจำกัดความสามารถตามกฎหมาย บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทอาจจำเป็นต้องให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองของท่านให้ความยินยอมหรือที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้ หากบริษัททราบว่ามีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้เยาว์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากพ่อแม่หรือผู้ปกครอง บริษัทจะดำเนินการตรวจสอบ และ/หรือลบข้อมูลนั้นออกจากฐานข้อมูลของบริษัท

 

  1. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอย่างจำกัด

การจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจะกระทำโดยมีวัตถุประสงค์ ขอบเขต และใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม ในการเก็บรวบรวมและจัดเก็บข้อมูล ตลอดจนเก็บรวบรวม และจัดเก็บขอมูลส่วนบุคคลอย่างจำกัด เพียงเท่าที่จำเป็นแก่การให้บริการ หรือบริการด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใดภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้น ทั้งนี้บริษัทจะดำเนินการให้เจ้าของข้อมูล รับรู้ ให้ความยินยอมทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อความสั้น (Short Message Service) หรือตามแบบวิธีการของบริษัท

บริษัทอาจจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคลของท่านที่จะเป็นประโยชน์ในการให้บริการ ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวข้างต้น บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อนเก็บรวบรวม เว้นแต่

2.1.  เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองขอมูลส่วนบุคคล พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ 
พระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายแรงงาน ประมวลกฎหมายแพ่งและอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา ประมวลกฎหมายรัษฎากร และกฎหมายอื่นใดที่บริษัทมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม เป็นต้น

2.2.  เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล

2.3.  เพื่อประโยชน์ของท่าน และการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น

2.4.  เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัท

2.5.  เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น

2.6.  เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อการศึกษา วิจัย การจัดทำสถิติ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม

 

  1. มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและคุณภาพของข้อมูล

3.1.  บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจึงกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับการรักษาความลับ (confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (availability) ของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกัน การสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนี้ บริษัทจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ (administrative safeguard) มาตรการป้องกันด้านเทคนิค (technical safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (physical safeguard) ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล (access control) ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิได้รับอนุญาต ทั้งนี้ เป็นไปตามที่กำหนดในนโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของบริษัท

3.2.  ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้รับมา เช่น ชื่อ อายุ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัตรประชาชน ข้อมูลทางการเงิน เป็นต้น ซึ่งสามารถบ่งบอกตัวบุคคลของท่านได้ และเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน จะถูกนำไปใช้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การดำเนินงานของบริษัทเท่านั้น และบริษัทจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิของเจ้าของขอมูลส่วนบุคคล

 

  1. วัตถุประสงค์ในการรวบรวม จัดเก็บ ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทรวบรวม จัดเก็บ ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อดำเนินการทำสัญญาให้บริการ หรือซื้อสินค้า/บริการ และเพื่อประโยชน์ในการให้บริการแก่ท่าน รวมถึงบริการที่ท่านสนใจ เช่น บริการโทรคมนาคม บริการช่องทางชำระเงิน หรือบริการอื่นใด หรือการจัดทำ บริการทางดิจิทัล หรือการวิจัยตลาด และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย หรือเพื่อประโยชน์ในการจัดทำฐานข้อมูลและใช้ข้อมูล เพื่อเสนอสิทธิประโยชน์ตามความสนใจของท่าน หรือเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์และนำเสนอบริการหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ ของผู้ให้บริการ และ/หรือบุคคลที่เป็นผู้จำหน่าย เป็นตัวแทน หรือมีความเกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการ และ/หรือ ของบุคคลอื่น และเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย และ/หรือ เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือ กฎระเบียบที่ใช้บังคับกับผู้ให้บริการ ทั้งขณะนี้และภายภาคหน้า รวมทั้งยินยอมให้ผู้ให้บริการส่ง โอน และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัท กลุ่ม ธุรกิจของผู้ให้บริการ พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ให้บริการภายนอก ผู้ประมวลผลข้อมูล ผู้สนใจจะเข้ารับโอนสิทธิ ผู้รับโอนสิทธิ หน่วยงาน/องค์กร/นิติบุคคลใด ๆ ที่มีสัญญาอยู่กับผู้ให้บริการหรือมีความสัมพันธ์ด้วย และบริษัทจะจัดเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าวไว้ตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็นสำหรับวัตถุประสงค์เหล่านั้นเท่านั้นหากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะประกาศให้ท่านทราบ

 

  1. ข้อจำกัดในการใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

5.1.  บริษัทจะใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามความยินยอมของท่านโดยจะต้องเป็นการใช้ตามวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม จัดเก็บ ข้อมูล ของบริษัทเท่านั้น บริษัทจะกำกับดูแลแลพนักงาน เจ้าหน้าที่หรือผู้ปฏิบัติงานของบริษัทมิให้ใช้และ/หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลหรือเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก เว้นแต่

5.1.1. เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายแรงงาน ประมวลกฎหมายแพ่ง และอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา ประมวลกฎหมายรัษฎากร และกฎหมายอื่นใดที่บริษัทมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม เป็นต้น

5.1.2. เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล

5.1.3. เพื่อประโยชน์ของท่าน และการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น

  • 1.4. เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัท
  • 1.5. เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น
  • 1.6. เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อการศึกษา วิจัย การจัดทำสถิติ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม

5.2.  บริษัทอาจใช้บริการสารสนเทศของผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเพื่อให้ดำเนินการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งผู้ให้บริการนั้น จะต้องมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย โดยห้ามดำเนิน การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนอกเหนือจากที่บริษัทกำหนด

 

  1. สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

6.1.  สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล (right to access) ท่านสามารถขอเข้าถึง ขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เช่น Call Detail Record สำเนาใบแจ้งหนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่บริษัทกำหนด หรือขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัทอาจปฏิเสธคำขอของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด หรือตามคำสั่งศาล

6.2.  สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล (right to rectification)  ท่านสามารถขอแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ และทำให้ข้อมูลของท่านเป็นปัจจุบันได้

6.3.  สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล (right to erasure/destruction) ท่านสามารถขอลบหรือทำลายข้อมูล ส่วนบุคคลท่าน เว้นแต่ เป็นกรณีที่บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว

6.4   สิทธิขอถอนความยินยอม (withdrawal of consent) หากท่านได้ให้ความยินยอม บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น ท่านมีสิทธิที่จะขอถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้

6.5  สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล (right to data portability) ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุผลทางเทคนิค

6.6 สิทธิขอคัดค้าน (right to object) ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผลหรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์

6.7 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล (right to restriction of processing) ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน

6.8 สิทธิร้องเรียน (right to lodge a complaint) ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

 

ท่านสามารถใช้สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นได้ โดยติดต่อมาที่บริษัท ตามรายละเอียดท้ายนโยบายฉบับนี้ บริษัทจะแจ้งผลการดำเนินการภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่บริษัทได้รับคำขอใช้สิทธิจากท่าน ตามแบบฟอร์มหรือวิธีการที่บริษัทกำหนด ทั้งนี้ หากบริษัทปฏิเสธคำขอ บริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้บริษัททราบผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ข้อความ (SMS) อีเมล โทรศัพท์ จดหมาย เป็นต้น

 

  1. การเปิดเผยเกี่ยวกับการดำเนินการ แนวปฏิบัติ และนโยบายที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทมีนโยบายปฏิบัติตามกฎหมายรวมถึงประกาศ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติว่าด้วยมาตรการคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้บริการโทรคมนาคมเกี่ยวกับขอมูลส่วนบุคคล สิทธิในความเป็นส่วนตัว และเสรีภาพในการสื่อสารถึงกันโดยทางโทรคมนาคม และกฎหมายที่เกี่ยวของกับข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงออกมาตรการคุ้มครองข้อมูลผู้ใช้บริการบนหน้าเว็บไซต์ของบริษัท

 

  1. การโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ

บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคล องค์กร หรือเซิร์ฟเวอร์ (Server) อื่นที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังประเทศปลายทางนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเพียงพอ หรือกรณีอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด

 

  1. การแจ้งเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

ในกรณีที่มีเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเกิดขึ้น บริษัทจะแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยไม่ชักช้าภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่ทราบเหตุเท่าที่สามารถกระทำได้ ในกรณีที่การละเมิดมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของท่าน บริษัทจะแจ้งการละเมิดให้ท่านทราบพร้อมกับแนวทางการเยียวยาโดยไม่ชักช้าผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น  เว็บไซต์ ข้อความ (SMS) อีเมล โทรศัพท์ จดหมาย เป็นต้น

 

  1. การติดต่อสื่อสาร

บริษัทอาจส่งข้อความหรือข่าวสารไปยังอีเมลของท่าน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ ประชาสัมพันธ์สินค้าหรือบริการของบริษัท หรือเสนอสิ่งที่น่าสนใจสำหรับท่าน หากท่านไม่ต้องการรับการติดต่อสื่อสารจากบริษัทผ่านทางอีเมลอีกต่อไป ท่านสามารถกด “ยกเลิกการติดต่อ” ในลิ้งก์อีเมลหรือติดต่อบริษัทผ่านอีเมลของบริษัทได้

 

  1. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้เป็นครั้งคราว โดยท่านสามารถทราบข้อกำหนดและเงื่อนไขนโยบายที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนี้ได้ผ่านทางเว็บไซต์หรืออีเมลของบริษัท

 

  1. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทได้มีการดำเนินการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO) เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของบริษัทที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้และเปิด เผยข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนี้บริษัทได้จัดทำระเบียบคำสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่กำหนดไว้เพื่อให้การดำเนินงานตามแนวนโยบายเกี่ยวกับการ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย อีกทั้ง ยังเป็นไปตามนโยบายของคณะกรรมการกำกับการบริหารข้อมูลส่วนบุคคล และความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของบริษัทที่กำหนด

 

  1. ช่องทางการติดต่อบริษัท

ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)
บริษัท กีสซ์คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด
เลขที่ 75/49 อาคารโอเชี่ยนทาวเวอร์ 2 ชั้น 24 ซ.สุขุมวิท 19 ถ.สุขุมวิท 21 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา
กรุงเทพมหานคร 10110
E-mail: datacontrol@gistz.com
โทรศัพท์: 0-2661-7720 ต่อ 501

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)
บริษัท กีสซ์คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด
เลขที่ 75/49 อาคารโอเชี่ยนทาวเวอร์ 2 ชั้น 24 ซ.สุขุมวิท 19 ถ.สุขุมวิท 21 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา
กรุงเทพมหานคร 10110
E-mail: dpo@gistz.com
โทรศัพท์: 0-2661-7720 ต่อ 502